คลิกฟรี

หวย หวยออนไลน์ Jetsadabet

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

บ้านอยู่แล้วรวยช้า

บ้านอยู่แล้วรวยช้า



ฮวงจุ้ย บ้านยากจน

คราวนี้ผมจะพูดลักษณะกว้างๆของ ฮวงจุ้ย บ้านที่อยู่แล้วมีสิทธิรวยน้อยลงนะครับ หรือพูดให้เพราะหูหน่อยคือรวยช้ากว่าคนอื่นเข้านะครับ ทั้งนี้รายละเอียดจริงๆในการชี้ชัดนั้นต้องดูองศาที่ตั้งของบ้านหลังนั้น และชัยภูมิภายนอกและภายในของหลังนั้นๆประกอบนะครับ แต่ที่จะเขียนนี้เป็นหลักทั่วไปที่ช่วยในการพิจารณาได้ระดับหนึ่ง เวลาเราจะเลือกซื้อบ้าน หรือสังเกตุบ้านตัวเอง เราเริ่มกันเลยนะครับ


1. บ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน

มักเกิดกับบ้านที่สร้างมานาน และอยู่ติดถนน คือถนนก็มีการถมสูงขึ้นสูงขึ้นแต่บ้านไม่ได้ยกสูงขึ้น นานเข้าก็เลยต่ำจนต้องทำบันไดให้ก้าวลง บ้านลักษณะนี้หากไม่ต่ำกว่าครึ่งฟุตยังถือว่าไม่ต่ำมาก หากมากกว่านี้จะเกิดสภาพเรียกว่าลาภล้น เหมือนน้ำท่วมปากคือเห็นลาภวิ่งไปมา แต่เอาไม่ได้ถนัด วิธีแก้อย่างง่ายๆหากไม่ต่ำมาก คือต้องมีลานกว้างหน้าบ้านสักหน่อย ภาษาจีนเรียกว่าเม็งตึ้ง เพื่อเอาไว้เป็นบริเวณกักเก็บพลัง เพราะฉะนั้นบ้านกรณีนี้ ควรมีเนื้อที่ระหว่างถนนกับทางเข้าบ้านเป็นที่โล่งๆสักหน่อยจึงจะดี


2. บ้านที่อยู่ใต้สะพาน

มักเกิดกับบ้านหรือร้านค้าตึกแถวที่อยู่มาดีๆ ก็มีการตัดถนนทำสะพานผ่านหน้าร้าน กลายเป็นมองไม่เห็นหน้าร้านชั้นล่างไป ในกรณีนี้ เราต้องยกระดับให้ชั้นที่อยู่เสมอถนนเป็นชั้นหลัก โดยทำให้ชั้นนั้นเด่นขึ้นมา ขณะที่ชั้นที่อยู่โดนบันไดบังต้องไปใช้ในเรื่องรองๆลงไป


3. บ้านที่อยู่สูงกว่าถนน

มักเกิดกับบ้านที่สร้างแบบวางแผนล่วงหน้า คือกลัวน้ำท่วม จึงปลูกสูงกว่าถนน และยังเป็นการเผื่อในอนาคตมีการทำถนนสูงขึ้น บ้านจะได้ไม่เตี้ยลง ในกรณีนี้หากไม่ได้สูงจนเกินไป ก็ไม่เป็นไร หากสูงมาก จะกลายเป็นลาภเข้าบ้านไม่ได้ คือปากอยู่สูงเกินไป กินลาภไม่ได้ แถมหากทำทางเชื่อมระหว่างถนนกับตัวบ้านค่อนข้างลาดชัน จะทำให้บ้านนี้มักจะเสียเงินทองโดยใช่เหตุอีก เพราะลาภใหม่นอกจากเข้าบ้านไม่สะดวกแล้ว ลาภในบ้านยังจะไหลออกได้ง่ายๆอีก


4. บ้านที่หน้าต่างหรือประตูมากเกินไป

กรณีนี้เห็นบ่อยมากๆกับแบบบ้านสมัยใหม่ คือเข้าไปแล้วดูโปร่ง โล่งสบาย คนสมัยใหม่ชอบกันมาก แต่สังเกตุไหมครับว่า คนสมัยใหม่มักนิยมใช้บริการสินเชื่อ เงินด่วนทันใจ อะไรพวกนี้กันเยอะๆ ก็เพราะบ้านแบบนี้อยู่แล้วเก็บเงินไม่ค่อยอยู่หรอกครับ สังเกตุสิครับว่าคนสมัยนี้ถึงจะหารายได้มาเยอะก็มีรายจ่ายเยอะเหมือนกัน วิธีแก้ไขหากซื้อไปแล้ว คือพยายามอย่าเปิดหน้าต่างใช้หลายบ้าน และรู้จักติดม่านช่วยด้วย


5. บ้านที่ประตูหรือหน้าต่างอยู่ตรงข้ามกัน

เช่นประตูหน้าบ้าน ตรงหน้าต่างหลังบ้าน ประตูหน้าบ้านตรงประตูหลังบ้าน ก็เข้าข่ายลาภเข้ามาแล้วไหลออกได้เร็ว เก็บเงินไม่อยู่เหมือนกัน ให้พยายามปิดหน้าต่าง ใช้ผ้าม่านช่วย หรือวางฉาก ตู้โชว์กั้นระหว่างกลางไว้


6. บ้านที่รั้วรอบบ้านโปร่ง

มักพบกับบ้านเดี่ยว ที่ชอบทำแบบโชว์ความสวยของบ้าน ใช้รั้วเตี้ย หรือรั้วไม้ระแนง หรือรั้วเหล็กตีเป็นซี่เล็กๆให้ดูโปร่งสบาย อันนี้ก็กักเก็บลาภไว้ไม่ได้เหมือนกัน หากจะทำรั้วแบบนี้ ทำได้เฉพาะด้านหน้า ส่วนด้านอื่นต้องเป็นรั้วทึบเพื่อกักเก็บพลังไว้ หรือไม่ออกปลูกต้นไม้เป็นแนวรั้วแทนก็ได้

7. บ้านที่เปิดประตูแล้วเจอบันได

บ้านพวกนี้มักจะทำให้เงินทองหามาแล้ว มีเรื่องต้องใช้จ่ายเสมอ เรียกว่าเก็บไม่อยู่ หลีกเลี่ยงได้ต้องเลี่ยง หากอยู่ไปแล้ว ให้หากฉากมากั้นหน้าบันได จะช่วยได้ระดับหนึ่ง

8.บ้านที่พื้นที่บริเวณหน้าประตูเข้าบ้านแคบ

พลังปราณหรือชี่นั้น ต้องอาศัยบริเวณลานโล่งเพื่อเป็นบ่อพักพลังหรือกักเก็บพลัง ก่อนที่ไหลเข้าสู่ตัวบ้าน หากบ้านใดบริเวณพื้นที่หน้าประตูเข้าบ้านแคบ ไม่เปิดโล่งหรือวางของรกรุงรัง หรือ มีต้นไม้สูง สวนหิน อยู่ตรงข้ามประตู จะทำให้พลังเข้าบ้านไม่สะดวก เมื่อบ้านรับพลังไม่เต็มที่ คนในบ้านย่อมไม่ได้รับพลังเต็มที่เช่นกัน

9.บ้านที่แวดล้อมไปด้วยน้ำเสีย ขยะ สิ่งสกปรก อับ ชื้น

พลังปราณหรือชี่ที่ดีนั้น จะชอบบริเวณโล่ง สะอาด หากบ้านใดอยู่รายล้อมด้วยสิ่งเหล่านี้ จะเหน็ดเหนื่อยในการทำมาหากิน เพราะต้องฝืนกับกระแสที่จะไหลออก คือ นอกจากไม่เข้าบ้านแล้ว ยังจะไหลออกไปอีก บ้านแบบนี้ การกระตุ้นด้วย ฮวงจุ้ย เพื่อช่วยในการกักเก็บพลังไว้ให้ไม่หนีไป ยามใดมีโอกาส ควรรีบย้ายไปที่อื่น

10. บ้านที่แวดล้อมไปด้วยที่รกร้าง ว่างเปล่า

สภาพรกร้างว่างเปล่า คือไม่มีพลังชี่ในบริเวณนั้น เพราะฉะนั้นเวลาเราไปอยู่แล้ว เราจะเอาพลังโชคลาภจากที่ไหนมาล่ะ หากจะมีมาก็ต้องกระตุ้นมากเป็นพิเศษเพื่อให้พลังมาหาเรา หากเป็นหมู่บ้านที่ร้างๆ แล้วมีบ้านใดบ้านหนึ่งมีฮวงจุ้ยที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ก็จะดึงดูดพลังชี่ให้ไปบ้านหลังนั้นเป็นส่วนใหญ่ ก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก หากเห็นหมู่บ้านร้างแต่ขายราคาถูกๆ ต้องพึงสังวรไว้ว่า ของดีแต่ราคาถูกๆไม่มีในโลกนี้

ผมเขียนให้เป็นวิทยาทาน หากคุณความดีมี ศิษย์ผู้นี้ขออุทิศให้ปรมาจารย์และครูบาอาจารย์ทั้งที่มีชีวิตและล่วงลับไปแล้ว

ขอเชิญชวนคุณให้ไปทำบุญตามจิตศรัทธาและกำลังทรัพย์ ด้วยตัวคุณเอง ตามแต่สะดวก ไม่ว่าจะบริจาคให้คนยากจน ขอทาน ทำบุญโลงศพ ข้าวสารอาหาร หยอดตู้ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าของวัด สมทบทุนสร้างวัดวาอาราม ช่วยค่าอาหาร ยา เครื่องมือแพทย์แก่พระสงฆ์อาพาธ ค่าอาหารเสื้อผ้าทุนการศึกษาแก่เด็กยากไร้หรือคนพิการ ทำบุญสำคัญที่จิตศรัทธานะครับ

หากคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อผู้อื่นที่ท่านรู้จัก ก็ช่วยบอกต่อด้วยนะครับ

อ้างอิง http://www.chokchata.com/

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

บ้านเล่นระดับ และ บันได ตอนที่ 2

บ้านเล่นระดับ และ บันได ตอนที่ 2

ผมตั้งใจว่าจะพยายามเขียนบทความใหม่ให้ได้สัปดาห์ล่ะหนึ่งเรื่อง
อาทิตย์ที่แล้วได้ว่าด้วยเรื่องบันไดและบ้านเล่นระดับ เรื่องนี้ยังไม่จบครับ มีตอนที่ 2 ต่อครับ

คราวที่แล้ว ได้บอกไปแล้วว่าบ้านเล่นระดับจะมีผลต่อผู้อยู่อาศัย อย่างไรบ้าง และบ้านเล่นระดับ เมื่อเดินเข้าไป ควรมีลักษณะอย่างไร หากต้องเล่นระดับ ควรจะเดินไปแล้วด้านในบ้านยกระดับสูงกว่าด้านหน้าบ้าน แต่มักพบเห็นคือ บ้านมันจะสูงด้านหน้าบ้าน พอเข้าไปแล้วก็ค่อยๆเตี้ยลง เตี้ยลง

อีกข้อหนึ่งที่อยากจะขอฝากไว้คือ ไม่ควรมีการเล่นระดับมากเกินไป ไม่ควรเกินสามระดับ เพราะในทางฮวงจุ้ย เรามองความสัมพันธ์ของฟ้า ดิน และคน เสมอๆ จึงไม่ควรเกินสามระดับ

คราวนี้มาว่ากันที่บันไดบ้าง มีข้อสังเกตุดังนี้ครับ
1. บันไดบ้าน ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งที่เปิดประตูบ้านเข้ามา แล้วมองเห็นเลย หรืออยู่นอกบ้านมองเข้าไปก็เห็นบันไดเลย จะทำให้คนบ้านนี้เก็บความลับไม่ค่อยอยู่ และการหาเงินทองก็ไม่คล่องไม่สะดวก มีเรื่องให้ใช้จ่าย
2. อย่าสร้างบันไดไว้ใจกลางบ้าน ใจกลางบ้านในที่นี้หมายถึง บริเวณตรงกลางบ้าน เมื่อมองจากแบบแปลนบ้านนั้นเอง เพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณสำคัญของพลังชี่ในบ้านนั้น หากกลายเป็นบันไดไปแล้ว พลังจะปั่นป่วน ผู้อยู่อาศัยมักจะเจ็บหน้าอกหรือเป็นโรคทรวงอกบ่อยๆ บ้านที่ชอบทำ Skylight ส่องกลางบ้านก็เช่นกัน เสมือนมีกระบี่ทะลวง ก็จะล้มป่วยเช่นกัน
3. ในบ้านพักอาศัย ไม่ควรมีบันไดขึ้นลงสองทางพร้อมๆกัน จะทำให้คนในบ้านไม่เข้าหากัน ไม่สามัคคีกัน การทำบันไดขึ้นลงหลายๆกัน เหมาะแก่อาคารสาธารณะมากกว่า เช่นห้างสรรพสินค้า
4. บันได ควรอยู่ชิดด้านในด้านหนึ่งของตัวบ้าน และมีแนวกำแพง หรือ ฉากมาบังบันไดไม่ให้คนภายนอกบ้านเห็นบันได เพื่อแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องภายนอก
5.บันได หากวางด้านซ้ายของตัวบ้าน เมื่อมองจากภายนอกบ้านเข้าไป จะทำให้บ้านนี้ผู้หญิงเด่นหรือเก่ง เป็นผู้นำในครอบครัว
6.บันได หากวางด้านขวาของตัวบ้าน เมื่อมองจากภายนอกบ้านเข้าไป จะทำให้บ้านนี้ผู้ชายเด่นหรือเก่ง เป็นผู้นำในครอบครัว
7. บันได ไม่ควรสร้างให้มีลักษณะโปร่ง คือมองเห็นขั้นบันไดชัดเจน บันไดนั้นเหมือนมังกรในบ้าน ที่นำชี่จากชั้นล่างไปชั้นบน หากโปร่งก็เหมือนมังกรผอม กระแสชี่เองก็เลื้อยขึ้นชั้นบนไม่ถนัด ควรปูพื้นขั้นบันไดให้ทึบทุกชั้น
8. ที่ตั้งบันไดต้องมีความสว่างและโปร่ง เพื่อให้กระแสชี่สามารถเคลื่อนไหวถ่ายเทระหว่างชั้นได้สะดวก
9. บันไดมักนิยมให้ตกจำนวนขั้นเป็นเลขคี่ เพราะบันไดหมายถึงการเคลื่อนไหว เป็นสภาพหยาง คือเลขคี่ การนับให้นับลูกตั้งของบันได ไม่รวมชานพัก อันนี้ได้เขียนไปในคราวที่แล้ว แต่ขอกล่าวซ้ำอีกที

บทความนี้หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ช่วยบอกต่อผู้อื่นด้วยนะครับ

สำหรับคราวหน้าจะเขียนบทความลักษณะบ้านที่อยู่แล้วจะยากจน ขอติดตามนะครับ

อ้างอิง www.chokchata.com

ฮวงจุ้ย บันได และ บ้านเล่นระดับ

ฮวงจุ้ย บันได และ บ้านเล่นระดับ


ฮวงจุ้ย ว่าด้วยเรื่องบันได และ บ้านเล่นระดับ

มีคนตั้งคำถามผมว่า ทำไมอาคารบนถนนส่วนใหญ่มักชอบทำทางเข้าอาคารเป็นบันไดและทำให้สูงกว่าถนน ต่อให้เป็นอาคารหลังเล็กๆหรือบ้านเดี่ยวก็มักทำอย่างน้อยสองหรือสามขั้น

หลักการ ฮวงจุ้ย ว่าด้วยชัยภูมิหรือทำเลที่ตั้งในทางฮวงจุ้ยนั้น สูงกว่าก็คือมีบารมี ดังนั้นการสร้างบันไดก็เข้าสู่ตัวอาคารนั้น เป็นการยกระดับของชั้นล่างอาคารให้สูงกว่าถนนภายนอก เป็นการสร้างบารมีและการยอมรับนับถือจากผู้มาติดต่อ

นอกจากนี้แล้วการสร้างบันไดยังเป็นการสร้างบทบาทของการลดกระแสที่พุ่งเข้าใส่อาคารอีกด้วย กล่าวคือ กระแสที่พุ่งมาจะชะลอลงเมื่อเจอบันได และค่อยๆไหลเข้าสู่อาคารนั้นเอง

แต่สภาพบันไดเป็นสภาพเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้น การสร้างบันไดนั้น ต้องดูความเหมาะสมก็ จุดที่จะสร้างด้วย สภาพเคลื่อนไหวเป็นหยางเพราะฉะนั้นจึงมักมีการพูดกันว่าบันไดจำนวนขั้น ต้องเป็นเลขคี่ เลขคี่นี้เรานับที่ลูกตั้งของบันได ไม่ใช่ลูกนอน

และยังมีกฏเกณฑ์ว่าด้วยการนับขั้นบันได ตามเคล็ดลับตัวหนังสือ ว่าบันไดต้องตกตัวหนังสือตัวไหนจึงจะดี

แต่กฎเกณฑ์เหล่านี้แล้วแต่การให้น้ำหนักของซินแส ฮวงจุ้ย แต่ละคน แต่สิ่งที่แน่นอนคือบันไดสร้างสภาพเคลื่อนไหวให้เกิดขึ้น

พูดถึงบันได ก็พามาถึงบ้านเล่นระดับ เพราะหลักการก็คือบันไดเหมือนกัน เพราะบันไดคือการเคลื่อนไหว บ้านเล่นระดับจะมีบทบาทให้ผู้อยู่อาศัยเคลื่อนไหวตลอด หากยังหนุ่มสาวก็ไม่เป็นไร แต่คนสูงอายุก็ต้องพิจารณาเรื่องนี้ด้วย

จุดที่มักเห็นบ่อยๆก็คือมักพบเห็นบันไดเหล่านี้พร้อมๆกัน หากจัดวางไม่ถูกที่ มีผลในเรื่องของบารมีและลาภผลหรือความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ เช่นเข้าบ้านแล้วพบเห็นบันไดขึ้นลงสองทางพร้อมๆกัน มักทำให้คนในบ้านแตกแยกไม่ปรองดองกัน บันไดขึ้นลงสองทางหากจะทำควรเป็นอาคารสาธารณะเช่นศูนย์การค้าจะดีกว่า สาเหตุที่ไม่ควรมีบันไดหลายจุดก็เพราะบันไดสร้างสภาพเคลื่อนไหว ในอาคารหรือบ้านหลังหนึ่งๆนั้น จะมีทั้งส่วนที่ต้องการสภาวะหยางคือเคลื่อนไหวและสภาวะหยินคือนิ่ง การสร้างสภาวะหยางมากเกินไป ก็คือการเสียสมดุลนั้นเอง

อีกตัวอย่างที่มักพบบ่อยก็คือ บ้านเล่นระดับที่ยิ่งเดินเข้าไปในบ้านด้านใน ก็มีการเล่นระดับเป็นช่วงๆ แต่ละช่วงก็ค่อยๆเตี้ยลง คือด้านในบ้านเตี้ยกว่าหน้าบ้าน บ้านแบบนี้อยู่ๆไปมักมีปัญหาเรื่องรายได้คือค่อยๆน้อยลงๆ

ตัวอย่างสุดท้ายคือบ้านเล่นระดับที่ด้านในเตี้ยกว่าด้านหน้าบ้าน พอต้องการวางตี้จู้เอี้ยก็มักมองข้ามเรื่องบันไดเล่นระดับไป คือวางแล้วกลายเป็นศาลเจ้าท่านมองเห็นแต่บันไดที่เล่นระดับ ไม่เห็นด้านหน้าบ้าน มีตัวอย่างให้เห็นหลายกรณีที่เจ้าที่ท่านอุตสาห์มาเตือนเจ้าบ้านให้แก้ไข แต่เรื่องนี้แล้วแต่เจ้าบ้านหลังๆนั้นว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะแก้หรือไม่แก้

สิ่งบางอย่างเรามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีตัวตน สมัยก่อนวิทยาศาสตร์ยังล้าหลัง เราก็ไม่เห็นเชื้อโรค ไม่รู้ว่ามี พอมาถึงสมัยนี้เราเห็นจากกล้องจุลทรรศน์ เราจึงยอมรับมันว่ามี บางทีเราควรเปิดใจกว้างว่า บางอย่างในทางฮวงจุ้ยนั้นมีจริงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้เท่านั้นเอง พูดง่ายๆภาษาชาวบ้านคือ ไม่เชื่อก็อย่าหลบลู่ นั้นเอง

อ้างอิง www.chokchata.com

เลขที่บ้าน ตอนที่สอง

เลขที่บ้าน ตอนที่สอง

คราวที่แล้วผมได้เขียนอธิบายความหมายของดวงดาวที่ใช้ตัวเลขแทนแบบย่อๆตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนมา


ในคราวนี้จะมาอธิบายการนำตัวเลขมาตีความตามที่พบเห็นในปัจจุบัน ผมต้องขอชี้แจ้งอีกครั้งว่า ผมนั้นมิใช่ผู้เชี่ยวชาญในโหราศาสตร์ด้านตัวเลขแขนงนี้ มีครูบาอาจารย์และท่านผู้รู้อีกมากในวิชาแขนงนี้ บทความนี้เขียนเพื่อให้ความรู้แบบพื้นฐาน เพื่อมุ่งหวังให้ผู้อ่านนำไปใช้พิจารณาประกอบด้วยตนเองได้ และสามารถศึกษาค้นคว้าต่อไปได้

การนำตัวเลขบ้านมาตีความหมายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนั้นๆ จะใช้ความหมายของดวงดาวมาเป็นตัวอ่านเรื่องราว ซึ่งมีวิธีการดังนี้


1. บวกรวมตัวเลขทุกตัวของเลขที่บ้านให้เหลือเป็นเลขหลักเดียวหรือสองหลัก เพื่ออ่านภาพรวมของเรื่องราวในบ้านหลังนั้น เช่น
2368 เป็น 2+3+6+8 ได้ 19 คือ ดาวอาทิตย์ และดาวเกตุอยู่คู่กัน ดาวอาทิตย์นำหน้า บ้านนี้จึงดูโดดเด่นมีสง่าราศี แต่บรรยากาศภายในดูลึกลับ คนในบ้านมักมีลางสังหรณ์เก่ง หรือนิยมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สีบ้านมักดูขรึมๆแต่ดูขลัง

2. ในกรณีที่บ้านมีการใช้เครื่องหมายขีดหรือทับ จะมีการอ่านความหมายเพิ่มเติมคือ
2.1 บางอาจารย์ท่านให้ตัวเลขชุดหน้าแทนเรื่องของผู้ชาย ชุดหลังแทนเรื่องของผู้หญิง
2.2 บางอาจารย์ท่านให้ตัวเลขชุดหน้าแทนเรื่องของผู้หญิง ชุดหลังแทนเรื่องของผู้ชาย
สมมติว่าเราอ่านวิเคราะห์แบบ ตัวหน้าแทนชายตัวหลังแทนหญิง
บ้านเลขที่ 56/78 ตัวแรก 56 หมายถึง ดาวพฤหัสบดีกับดาวศุกร์ จะให้ความหมายว่าผู้ชายบ้านนี้จะมีความสุขุมรอบคอบ มีความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นคนมีเสน่ห์รักความสุขสบาย มีชื่อเสียง
ตัวหลัง 78 หมายถึง ดาวเสาร์กับดาวราหู จะให้ความหมายว่า ผู้หญิงในบ้านจะมีนิสัยชอบค้นคว้าวิชาการ ทำงานวิจัย มีสติปัญญาดี ชอบอ่านหนังสือ
ตรงนี้ก็ทำให้การอ่านเรื่องราวไม่เหมือนกัน เมื่อใช้คนละวิธีนะครับ

3. บางอาจารย์ท่านให้นับเครื่องหมายทับเป็นเลขหนึ่งในการบวกผลรวม เช่น 56/78 โดยทั่วไปจะได้ผลบวกเป็น 5+6+7+8 คือ 26 แต่บางอาจารย์ท่านให้บวกเป็น 5+6+1+7+8 คือ 27 ความแตกต่างตรงนี้ก็เป็นอีกสาเหตุที่จะทำให้อ่านความหมายได้ไม่ตรงกัน จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมมักพบเห็นการบวกผลรวมที่ไม่มีการใช้เครื่องหมายมาคำนวณร่วมด้วยเป็นส่วนใหญ่

4. บางอาจารย์ท่านอ่านตัวเลขทีละตัวเพื่อดึงความหมายทั้งหมด เช่น บ้านเลขที่ 456/2 ก็อ่านความหมายว่า ดาวพุธนำหน้า ตามด้วยดาวพฤหัสบดีและดาวศุกร์ ดาวจันทร์ คนในบ้านนี้จะช่างเจรจา หรือเป็นนักพูดนักเขียน แต่พูดหรือเขียนแบบมีความรู้น่านับถือ ชอบความสะดวกสบายหรือฟุ่มเฟือย รักสวยรักงาม นิสัยคนในบ้านออกทางผู้หญิง คือนุ่มนวล จะพูดจากริยามารยาทก็ดูนุ่มนวล

ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ความรู้และความเข้าใจในด้านเลขที่บ้านไม่มากก็น้อย แต่ขอให้เราอย่ายึดติดจนงมงายจนเกินไป มัวแต่ไปมุ่งแสวงหาเลขที่บ้านดีๆเพื่อหวังให้ชีวิตเรารุ่งเรือง


ผมขอแนะนำให้ใช้สติและปัญญา ความขยันพากเพียรไม่ย่อท้อและมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุญ หมั่นทำความดีด้วยจิตใจที่ดีงาม มีชีวิตอยู่ด้วยความสุขในจิตใจ ดีกว่ามากล้นด้วยวัตถุแต่ชีวิตไม่เคยรู้สึกสุขสงบเลยนะครับ

คุณความดีของบทความนี้หากพึงมี ข้าพเจ้าขออุทิศในแก่บรมครูอาจารย์แห่งวงการโหราศาสตร์ ทั้งที่เคยสอนข้าพเจ้าโดยตรงและที่เขียนตำราไว้ให้ศิษย์รุ่นหลังอ่าน ทั้งที่มีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้ว ศิษย์รุ่นหลังผู้นี้เขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

เลขที่บ้าน ตอนที่สอง

คราวที่แล้วผมได้เขียนอธิบายความหมายของดวงดาวที่ใช้ตัวเลขแทนแบบย่อๆตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนมา


ในคราวนี้จะมาอธิบายการนำตัวเลขมาตีความตามที่พบเห็นในปัจจุบัน ผมต้องขอชี้แจ้งอีกครั้งว่า ผมนั้นมิใช่ผู้เชี่ยวชาญในโหราศาสตร์ด้านตัวเลขแขนงนี้ มีครูบาอาจารย์และท่านผู้รู้อีกมากในวิชาแขนงนี้ บทความนี้เขียนเพื่อให้ความรู้แบบพื้นฐาน เพื่อมุ่งหวังให้ผู้อ่านนำไปใช้พิจารณาประกอบด้วยตนเองได้ และสามารถศึกษาค้นคว้าต่อไปได้

การนำตัวเลขบ้านมาตีความหมายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนั้นๆ จะใช้ความหมายของดวงดาวมาเป็นตัวอ่านเรื่องราว ซึ่งมีวิธีการดังนี้


1. บวกรวมตัวเลขทุกตัวของเลขที่บ้านให้เหลือเป็นเลขหลักเดียวหรือสองหลัก เพื่ออ่านภาพรวมของเรื่องราวในบ้านหลังนั้น เช่น
2368 เป็น 2+3+6+8 ได้ 19 คือ ดาวอาทิตย์ และดาวเกตุอยู่คู่กัน ดาวอาทิตย์นำหน้า บ้านนี้จึงดูโดดเด่นมีสง่าราศี แต่บรรยากาศภายในดูลึกลับ คนในบ้านมักมีลางสังหรณ์เก่ง หรือนิยมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สีบ้านมักดูขรึมๆแต่ดูขลัง

2. ในกรณีที่บ้านมีการใช้เครื่องหมายขีดหรือทับ จะมีการอ่านความหมายเพิ่มเติมคือ
2.1 บางอาจารย์ท่านให้ตัวเลขชุดหน้าแทนเรื่องของผู้ชาย ชุดหลังแทนเรื่องของผู้หญิง
2.2 บางอาจารย์ท่านให้ตัวเลขชุดหน้าแทนเรื่องของผู้หญิง ชุดหลังแทนเรื่องของผู้ชาย
สมมติว่าเราอ่านวิเคราะห์แบบ ตัวหน้าแทนชายตัวหลังแทนหญิง
บ้านเลขที่ 56/78 ตัวแรก 56 หมายถึง ดาวพฤหัสบดีกับดาวศุกร์ จะให้ความหมายว่าผู้ชายบ้านนี้จะมีความสุขุมรอบคอบ มีความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นคนมีเสน่ห์รักความสุขสบาย มีชื่อเสียง
ตัวหลัง 78 หมายถึง ดาวเสาร์กับดาวราหู จะให้ความหมายว่า ผู้หญิงในบ้านจะมีนิสัยชอบค้นคว้าวิชาการ ทำงานวิจัย มีสติปัญญาดี ชอบอ่านหนังสือ
ตรงนี้ก็ทำให้การอ่านเรื่องราวไม่เหมือนกัน เมื่อใช้คนละวิธีนะครับ

3. บางอาจารย์ท่านให้นับเครื่องหมายทับเป็นเลขหนึ่งในการบวกผลรวม เช่น 56/78 โดยทั่วไปจะได้ผลบวกเป็น 5+6+7+8 คือ 26 แต่บางอาจารย์ท่านให้บวกเป็น 5+6+1+7+8 คือ 27 ความแตกต่างตรงนี้ก็เป็นอีกสาเหตุที่จะทำให้อ่านความหมายได้ไม่ตรงกัน จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมมักพบเห็นการบวกผลรวมที่ไม่มีการใช้เครื่องหมายมาคำนวณร่วมด้วยเป็นส่วนใหญ่

4. บางอาจารย์ท่านอ่านตัวเลขทีละตัวเพื่อดึงความหมายทั้งหมด เช่น บ้านเลขที่ 456/2 ก็อ่านความหมายว่า ดาวพุธนำหน้า ตามด้วยดาวพฤหัสบดีและดาวศุกร์ ดาวจันทร์ คนในบ้านนี้จะช่างเจรจา หรือเป็นนักพูดนักเขียน แต่พูดหรือเขียนแบบมีความรู้น่านับถือ ชอบความสะดวกสบายหรือฟุ่มเฟือย รักสวยรักงาม นิสัยคนในบ้านออกทางผู้หญิง คือนุ่มนวล จะพูดจากริยามารยาทก็ดูนุ่มนวล

ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ความรู้และความเข้าใจในด้านเลขที่บ้านไม่มากก็น้อย แต่ขอให้เราอย่ายึดติดจนงมงายจนเกินไป มัวแต่ไปมุ่งแสวงหาเลขที่บ้านดีๆเพื่อหวังให้ชีวิตเรารุ่งเรือง


ผมขอแนะนำให้ใช้สติและปัญญา ความขยันพากเพียรไม่ย่อท้อและมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุญ หมั่นทำความดีด้วยจิตใจที่ดีงาม มีชีวิตอยู่ด้วยความสุขในจิตใจ ดีกว่ามากล้นด้วยวัตถุแต่ชีวิตไม่เคยรู้สึกสุขสงบเลยนะครับ

คุณความดีของบทความนี้หากพึงมี ข้าพเจ้าขออุทิศในแก่บรมครูอาจารย์แห่งวงการโหราศาสตร์ ทั้งที่เคยสอนข้าพเจ้าโดยตรงและที่เขียนตำราไว้ให้ศิษย์รุ่นหลังอ่าน ทั้งที่มีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้ว ศิษย์รุ่นหลังผู้นี้เขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

http://www.chokchata.com

ว่าด้วยเรื่องเลขที่บ้าน ตอนที่ 1

ว่าด้วยเรื่องเลขที่บ้าน ตอนที่ 1


ว่าด้วยเรื่อง เลขที่บ้าน

ผมเขียนบทความนี้ก็เพราะมีคนถามมากพอสมควร ทั้งคนรู้จัก เพื่อนฝูง หรือคนที่ให้ผมไปดูฮวงจุ้ยให้ ส่วนมากล้วนอยากรู้ว่าบ้านเลขที่นี้ดีไหม อยู่แล้วดีไหม ควรซื้อไหม อะไรทำนองนี้


ผมยอมรับว่าหากเราสังเกตุดีๆ จะพบว่าในชีวิตเรานั้น แต่ละคนมักผูกพันกับดวงเลขบางตัวบ่อยๆ ทั้งเลขที่บ้าน เลขประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ อะไรต่างๆอีกมากมาย และจากประสบการณ์ของผมเอง ก็ยอมรับว่าเราสามารถทำนายทายทักเรื่องราวได้จากตัวเลขเหมือนกัน

หลักโหราศาสตร์ตัวเลขนั้น โดยหลักดั้งเดิมจะเป็นการทำนายโดยใช้ความหมายของดวงดาวมาประกอบ จากนั้นก็มีการแตกแขนงออกไปตามแต่สายของอาจารย์ทางด้านเลขศาสตร์แต่ละท่าน แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าเลขแต่ละตัวนั้นแทนดาวอะไร และลักษณะนิสัยพื้นฐานเป็นเช่นไร


เลข 1 แทน ดาวอาทิตย์
ผู้ชาย อำนาจ พระราชา ผู้ยิ่งใหญ่ แสงสว่าง ความร้อน เด็ดขาด เจ้ายศเจ้าอย่าง


เลข 2 แทน ดาวจันทร์
ผู้หญิง อ่อนไหว ราชีนี นุ่มนวล ความเย็น ช่างเจรจา


เลข 3 แทน ดาวอังคาร
เก่งกาจ นักรบ แม่ทัพ ต่อสู้ อดทน ใจร้อน


เลข 4 แทน ดาวพุธ
นักการทูต ประชาสัมพันธ์ เจรจา ติดต่อ สื่อสาร พูดคุย


เลข 5 แทน ดาวพฤหัสบดี
ครู อาจารย์ พระ ผู้ใหญ่ วิชาการ ปัญญา รอบคอบ


เลข 6 แทน ดาวศุกร์
ความสวยงาม ความสุขสบาย ฟุ่มเฟือย รื่นเริง


เลข 7 แทน ดาวเสาร์
หนักแน่น ของเก่า ของโบราณ


เลข 8 แทน ราหู
ลุ่มหลงมัวเมา ความมืดทึบ อบายมุข การอยู่เบื้องหลัง


เลข 9 แทน ดาวเกตุ
ลม พลังงาน คลื่น สิ่งเร้นลับ ไสยศาสตร์


เลข 0 แทน ดาวมฤตยู
ความว่างเปล่า จบสิ้น สิ้นสุด


ความจริงแล้วนิสัยหรือลักษณะของดาวแต่ละดวงนั้นมีเป็นหน้าๆเลย ทั้งเรื่องสี นิสัย ต้นไม้ อวัยวะ การเคลื่อนไหว ความเป็นมิตรหรือศัตรู ตัวอย่างคำกลอนโบราณเช่น
"อาทิตย์เป็นมิตรกับครู จันทร์โฉมตรูคู่พุธนงเยาว์ " หมายความว่าดาวอาทิตย์เป็นมิตรกับดาวพฤหัสบดี ในขณะที่ดาวจันทร์กับพุธเป็นเพื่อนซี้กัน แน่นอน ยอมมีคู่ศัตรูเช่นกัน คืออยู่ด้วยกันแล้วจะมีเรื่องราว เหมือนคนไม่ถูกหน้ากัน ต้องมาอยู่บ้านเดียวกันก็ยอมมีปัญหา


เมื่อเราเข้าใจนิสัยพื้นฐานนิสัยของตัวเลขแต่ละตัวแล้วนั้น เราก็สามารถนำมาใช้ในการทำนายเรื่องราวต่างๆของบ้านเลขที่ต่างๆได้

ในความเห็นส่วนตัวของผม เรามิควรจะงมงายว่าตัวเลขจะมีบทบาทต่อชีวิตเรามากเสียจนเกินเหตุ เพราะสิ่งสำคัญก็คือตัวเรานั้นเอง ที่จะรู้จักใช้สติและปัญญาในการครองตนและดำเนินชีวิต การที่หลายๆเรื่องนั้นเรามองไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีจริง แต่เราก็มิควรจะงมงาย ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นมีอิทธิพลต่อชีวิตของเราไปจนเกินควรนะครับ

ในคราวหน้า จะมากล่าวถึงหลักการผสมตัวเลขเพื่อใช้ในการทำนายเรื่องราวตามเลขที่บ้าน นะครับ

http://www.chokchata.com

เลือกรูปทรงบ้านตามหลัก ฮวงจุ้ย

เลือกรูปทรงบ้านตามหลัก ฮวงจุ้ย

ทุกวันนี้ เวลาไปดู ฮวงจุ้ย ตามบ้านต่างๆ มักพบข้อผิดพลาดขั้นพื้นฐานตามหลัก ฮวงจุ้ย อยู่เสมอ นั้นคือ บ้านสมัยใหม่มักมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยและรูปทรงที่ไม่สมมาตรกัน คือมีการเว้าแหว่งของพื้นที่บ้านบางส่วน

หากเรายืนอยู่จุดศูนย์กลางบ้าน ขอให้สังเกตุพื้นที่แหว่งในทิศข้างล่างต่อไปนี้ หากแหว่งหายไปมาก จะมีผลต่อสุขภาพของบุคคลนั้นๆในบ้านหลังนั้น

ทิศเหนือ ลูกชายคนกลาง
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ลูกสาวคนเล็ก
ทิศตะวันออก ลูกชายคนโต
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ลูกสาวคนโต
ทิศใต้ ลูกสาวคนกลาง
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ แม่
ทิศตะวันตก ลูกสาวคนเล็ก
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พ่อ

อ้างอิง http://www.chokchata.com/mcontents/articlelist.php?Ntype=1

หาฤกษ์ การสร้างบ้าน การปลูกบ้าน การขึ้นบ้านใหม่ (การปลูกเฮือน ขึ้นเฮือนใหม่)

หาฤกษ์ การสร้างบ้าน การปลูกบ้าน การขึ้นบ้านใหม่ (การปลูกเฮือน ขึ้นเฮือนใหม่)



ปัจจัยสี่ที่สำคัญของมนุษย์ย่อมมีที่อยู่อาศัย หรือ บ้าน เฮือน เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ไม่ว่าเราจะไปทำมาค้าขาย ทำกิจการงานที่ใดก็ตาม เมื่อเสร็จกิจการงานแล้วก็จะกลับมายังบ้านพักอาศัยเสมอ เพราะบ้านเป็นที่ที่เราภาคภูมิใจ เป็นสิ่งที่รักและหวงแหน ความอบอุ่นเกิดภายในบ้าน นอนหลับสบายใจไร้ความกลัว และความหวาดระแวง แต่ถ้าปลูกบ้านไม่ถูกโฉลกกับเจ้าของ ความทุกข์ความเดือดร้อนก็จะเกิดขึ้นกับเรา ดังนั้น จึงควรเลือกวัน เวลา เดือน ปี โสกหรือโฉลก และวิธีปลูกบ้าน ให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมโบราณณ

1. ปลูกเฮือนวันใดดี?

วันอาทิตย์ ท่านห้ามปลูกความอุบาทว์จัญไรจะเกิด
วันจันทร์ ท่านว่าปลูกได้จะมีลาภ ผ้าผ่อนท่อนสะไบบังเกิดแก่เจ้าของบ้าน
วันอังคาร ท่านห้ามปลูก จะเกิดอันตรายจากไฟ
วันพุธ ท่านว่าดี มีลาภเป็นของขาวเหลือง
วันพฤหัสบดี ท่านว่าดี จงปลูกเถิดจะได้ลาภและความสุขพูนทวี
วันศุกร์ ท่านว่า ห้ามปลูกจะมีทุกข์และสุขเท่ากันแล
วันเสาร์ ท่านห้ามปลูกเด็ดขาด จะเกิดถ้อยความมีคนเบียดเบียน และจะมีเรื่องเดือดร้อนใจ

2. ปลูกเฮือนเดือนใดดี?

เดือนอ้าย (เดือน 1) ท่านว่า จะทำมาค้าขึ้น จะได้เป็นเศรษฐี เพราะกิจการค้านั้น
เดือนยี่ (เดือน 2) ท่านว่าดี มีศิริในการป้องกันศัตรูทั้งมวล
เดือนสาม ท่านห้ามปลูก จะมีภัย ศัตรูเบียนเบียด
เดือนสี่ ท่านว่า ปลูกดีจะมีลาภ จะมีความสุขกายสบายใจ
เดือนห้า ท่านว่าจะเกิดทุกข์ร้อนไม่สบายใจ
เดือนหก ท่านว่าประเสริฐ จะส่งผลให้เงินทองไหลมาเทมา
เดือนเจ็ด ท่านห้ามปลูก จะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ที่หาไว้ได้แล้ว จักถูกโจรลัก หรือไฟไหม้
เดือนแปด ท่านห้ามปลูกเฮือนในเดือนนี้ เงินทองข้าวของที่เก็บไว้ จะมิอยู่คงที่แล
เดือนเก้า ท่านให้เร่งปลูกเฮือน ถ้ารับราชการจะได้รับการปูนบำเหน็จแล ถ้ามิได้รับราชการก็จะเจริญในการประกอบอาชีพแล
เดือนสิบ ท่านห้ามปลูก จะได้รับอันตรายจากโทษทัณฑ์ อาญาแผ่นดิน และการเจ็บไข้ได้ป่วย
เดือนสิบเอ็ด ท่านห้ามปลูกจะถุกคนหลอกลวงเอาของ และสิ่งที่ห่วงแหน
เดือนสิบสอง ท่านว่าควรเร่งปลูก จะได้เงินทองข้าวของ ช้างม้า ข้าทาสผู้ซื่อสัตย์แล


3. ปลูกเฮือนปีใดดี?

ปีชวด ให้เอากิ่งไม้คูณหรือไม้ราชพฤกษ์ มัดเสาแล้วจึงยกเสาลงหลุม เป็นมงคลแล
ปีฉลู ให้เอาผ้าขาวม้าห่อกล้วยพันปลายเสา เอากิ่งตูม 3 กิ่ง มามัด จึงยกเสาลงหลุมดีนักแล
ปีขาล ให้เอาข้าวใส่กระทง 3 อันมาวางบนเสา แล้วเอาน้ำมารด 3 ขัน จึงยกเสาลงหลุมดีนักแล
ปีเถาะ ให้เอาใบตะเคียน ใบหูดหอม และต้นกล้วย มัดปลายเสา แล้วจึงยกเสาลงหลุมดีนักแล
ปีมะโรง ให้เอาผ้าห่อใบหูดหอม และกำยานพันปลายเสา แล้วยกเสาลงหลุมดีนักแล
ปีมะเส็ง ให้เอาใบทอง 2 กิ่ง ผูกปลายเสา เอาข้าวสุกใส่กระทง 3 กระทง ธูป 3 คู่ เทียน 3 คู่ บูชา แล้วจึงยกเสาลงหลุมดีนักแล
ปีมะเมีย ให้เอาใบขี้เหล็ก 3 กิ่งกวาดตั้งแต่ปลายเสาลงมาถึงต้นเสา 3 ที แล้วเอาน้ำรดปลายเสา 3 ขัน รอจังหวะถ้าได้ยินไก่ขัน จึงยกเสาลงหลุมมีโชคชัยแล (ถ้าไม่มีไก่ขันให้ขันสมมุติเอา)
ปีมะแม ให้เอาใบเงิน 3 ใบ ใบหมากตัวผู้และหมากตัวเมียอย่างละ 3 ใบ กล้วยสุก 3 หน่วย อ้อย 3 ข้อ ใส่ในหลุม แล้วจึงยกเสาลงหลุมดีนักแล
ปีวอก หรือปีระกา ให้เอาเทียน 3 เล่ม ไปผูกต้นเสาทางหัวนอน ต้นไหนก็ได้ จึงยกเสาลงหลุมดีนักแล
ปีจอ หรือ ปีกุน ให้เอาข้าวตอกแตก 5 ดอก ใบบัวบก 5 ใบ รองตรงหัวเสาในหลุมก่อน จึงยกเสาลงหลุมดีนักแล


4. วิธีขุดเสาเฮือน

โบราณาจารย์ท่านว่า บ้านต้องปลูกใส่บนดิน ในดินมีทั้งแม่ธรณีและพญานาค (นาคดิน) เป็นอารักษ์ เพื่อให้เกิดความเป็นศิริมงคล ท่านว่า ควรย้ายแม่ธรณีและทำให้ถูกต้องตามโครงการนาคดิน กล่าวคือ นาคดิน นี้เราจะต้องรู้จักว่า หัวนาค หางนาค หลังนาค และท้องนาค อยู่ทางทิศไหนในแต่ละเดือนที่เราจะปลูกบ้านก่อนเพื่อปฏิบัติได้ถูกต้อง มิฉะนั้นจะถูกพิษนาค ทำให้เราเจ้าของบ้านต้องเดือดร้อน เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ควรปฏิบัติดังนี้

4.1 การย้ายแม่ธรณี

ก่อนจะมีการขุดดินปลูกบ้าน โบราณท่านว่า ให้ย้ายแม่ธรณี และสิ่งของที่เป็นอาถรรพ์ทั้งหลายออกไปก่อน บ้านจึงจะเป็นบ้านอยู่สุข วิธีย้ายให้เอาเทียนเหลือง 1 คู่ ดอกไม้ขาว 1 คู่ แต่งใส่ขัน แล้วเอาผ้าขาวพาดบ่า (ห่มเฉลียงบ่า) เดินไปตรงกลางลานดินที่จะปลูกบ้าน แล้วกล่าวคำอัญเชิญว่า

"อุกาสะ ผู้ข้าขออัญเชิญแม่ธรณีเจ้าได้ออกจาก (หยับย้ายออกจาก) ที่ปลูกบ้าน เพราะที่ปลูกบ้านลูกหลานย่อมทิ้งสิ่งสกปรก ขอย้ายแม่ออกไปอยู่ข้างบ้าน แล้วขอให้แม่คุ้มครองปกป้องรักษาบ้าน และลูกหลานในบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้แม่นำสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย หมายมีกระดูกเป็นต้น ขอให้แม่โยนทิ้งไปให้ไกล เอาเหลือไว้แต่สิ่งอันเป็นมงคลแก่ข้าเทอญฯ"

แล้วนำเอาธูปเทียนนั่นทิ้ง วางไว้ทางทิศตะวันตกของที่ปลูกบ้าน ส่วนผู้จะประกอบพิธีนี้จะให้คนแก่ที่มีศีลธรรม (ผู้ชาย) หรือจะเอาผู้ชายเจ้าของบ้านนั้นก็ได้

4.2 การหลีกพิษนาค

ในเดือนที่เราเห็นว่าปลูกบ้านดี เช่น เดือนอ้าย เดือนยี่ เดือนสี่ เดือนหก เดือนเก้า และเดือนสิบสอง ควรจะรู้ว่าเดือนเหล่านี้ ส่วนของนาคส่วนใดอยู่ทิศใด เวลาขุดดินการโกยดิน และการวางเสาแอกเสาขวัญ จะวางได้ถูกทิศทาง จะได้ไม่รับอันตรายจากพิษนาค โบราณท่านว่าดังนี้

เดือนอ้ายและเดือนยี่ หัวนาคอยู่ทางทักษิณ (ทิศใต้) หางนาคอยู่ทางทิศอุดร (เหนือ) ท้องนาคอยู่ทางทิศปัจจิม (ตะวันตก) หลังนาคอยู่ทางทิศบูรพา (ตะวันออก) เวลาเข้าไปขุดดิน ให้เข้าไปในทางทิศท้องนาค โกยดินก็โกยไปทางทิศท้องนาคเช่นกัน คือทิศตะวันตก

เดือนสี่และเดือนหก หัวนาคอยู่ทางทิศปัจจิม หางนาคอยู่ทางทิศบูรพา หลังนาคอยู่ทางทิศอุดร ท้องนาคอยู่ทางทิศทักษิณ เมื่อเข้าไปขุดดินให้เข้าไปทางทิศท้องนาค โกยดินไปทางทิศอาคะเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) เมื่อเอาเสาไปวางก็หันปลายเสาไปทางทิศอาคะเนย์

เดือนเก้า หัวนาคอยู่ทางทิศบูรพา หางนาคอยู่ทางทิศปัจจิม หลังนาคอยู่ทางทิศทักษิณ ท้องนาคอยู่ทางทิศอุดร การเข้าไปขุดเสาให้เข้าไปทางทิศเหนือ แต่การโกยดินและการหันปลายเสาเมื่อเอาไปวางปากหลุม ให้โกยและหันไปในทิศอิสาณ (ตะวันออกเฉียงเหนือ)

เดือนสิบสอง หัวนาคอยู่ทิศอุดร หางนาคอยู่ทางทิศทักษิณ หลังนาคอยู่ทิศบูรพา ท้องนาคอยู่ทางทิศปัจจิม ให้เข้าไปขุดเสาในทิศตะวันตก โกยดินไปทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) การเอาเสาไปวางก็ให้หันปลายเสาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นศิริมงคลนักแล

4.3 วิธีบูชานาค เพื่อเป็นสิริมงคลต่อบ้าน โบราณท่านให้ทำเครื่องเซ่นไหว้พญานาค ซึ่งประกอบด้วยธูปเทียน และเครื่องบวดต่างๆ วิธีการทำมีดังนี้

- ให้เอาโต๊ะไปตั้งวางไว้ทิศหัวนาคอยู่ แล้วเอาของหวานใส่ เช่น บวดฟักทอง ใส่ถ้วยวางไว้ในถาด เอาดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ ธูป 5 คู่ ใส่ในถาดวางไว้บนโต๊ะ
- ให้ทำธงใส่หลักไปปักข้างโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ทั้ง 2 ข้าง สำหรับผ้าทำธงให้ใช้สีตามเดือน ดังนี้

เดือน สีธง
เดือนอ้าย สีขาว
เดือนยี่ สีขาว
เดือนสี่ สีเหลือง
เดือนหก สีเหลือง
เดือนเก้า สีดำหรือสีนิล (เขียวแก่)
เดือนสิบสิง สีแดง

- กล่าวคำบูชา 1 จบ ว่า "อะยัง มะหานาโค อิทธิมันโต ชุติมันโต อิมินา สักกาเรนะ มะหานาคัง ปูเชมิ"


5. วิธีขุดเสา

เมื่อเราทำเครื่องบูชาเสร็จแล้ว ให้ลงมือขุดหลุมเสาแฮก คนที่ถือเคร่งจริงๆ เวลาขุดหลุมเสาแฮกนั้น เขาจะเอาไม้คูณ หรือไม้ยอทำด้ามเสียมก่อน คนขุดก็จะตั้งชื่อให้ว่า "ท้าวเงิน ท้าวคำ ท้าวแก้ว ท้าวค้ำ ท้าวคูณ" ชื่อใดชื่อหนึ่งตามความเหมาะสม ให้เป็นผู้ขุดเสาแฮก แต่ถ้าจะตั้งชื่อคนขุดทั้ง 8 หลุม (เรือน 3 ห้องสมัยโบราณมีเสา 8 ต้นต่อเกย หรือเฉลียงอีก 4 ต้น จึงรวมเป็น 12 ต้น เกยไม่นับเป็นเรือน) ก็ให้ตั้งเพิ่มอีก 3 ชื่อ คือ ท้าวสุข ท้าวดี ท้าวมี แล้วให้ขุดเสาคนละเสา

สำหรับเสียมขุด นอกจากเสาแฮกแล้วจะเอาด้ามอะไรก็ได้ เฉพาะเสาเอกหรือเสาแฮก ให้ใช้เสียมไม้คูณ หรือไม้ยอ โดยให้ท้าวเงินเป็นคนขุด ในเวลาขุดหลุมเสาย่อมจะพบสิ่งที่เป็นมงคลและไม่เป็นมงคล ดังนั้นเมื่อพบแล้วให้แก้นิมิตแก้อาถรรพ์ ดังนี้

ถ้าขุดไปพบกระดูก ท่านให้เอาน้ำสะอาดสรงแก้วแหวนเงินทอง มารดลงในหลุมเป็นศิริมงคลแล
เมื่อขุดลงไปพบขนสัตว์หรือเชือก ให้ไปขอน้ำมนต์จากพระมารดหลุม เป็นศิริมงคลแล

ถ้าขุดลงไปพบไม้ทราง ให้นิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ แล้วเอาน้ำพระพุทธมนต์รดลงในหลุม เป็นศิริมงคลแล

ถ้าขุดลงไปพบอิฐ หรือดินเหมือนขี้หนู ท่านให้เอาน้ำผึ้งแท้รดลงในหลุม เป็นศิริมงคลแล

ถ้าของไม่ดีนอกจากนี้ ท่านให้เอาน้ำสรงพระพุทธรูปใส่ขันไว้ เอาดอกบัวหลวง ถ้าของไม่ดีนอกจากนี้ ท่านให้เอาน้ำสรงพระพุทธรูปใส่ขันไว้ เอาดอกบัวหลวง และหญาแพรก ใส่ลงในหลุม แล้วเอาน้ำสรงพระพุทธรูปรดลงในหลุม เป็นศิริมงคลแล

ก่อนเอาเสาแฮก (เสาเอก) ทางหัวนอนลงหลุม ให้เขียนกลใส่หลุมว่า "ปู่ก่อสร้างเป็นอาชญ์เฮือนหิน เงินคำมีหมื่นกือกองล้น" ต้นเสาขวัญทางตีนนอน (เสาขวัญ) ให้เขียนกลใส่ในหลุม ก่อนเอาเสาลงหลุมดังนี้ หลานก่อสร้างเป็นอาชญ์เฮือนหิน เงินคำมีหมื่นกือกองล้น" เขียนแล้วเอาลงใส่ในหลุมดังกล่าว


6. ลักษณะที่ดินที่ไม่ควรปลูกเฮือน

พื้นดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ท่านว่าไม่ควรปลูกบ้านเพราะเข้าลักษณะโลงผี จะทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ควรแยกที่ดินนั้นเป็นสวนไม้ดอก ไม้ผล ด้วยการกั้นรั้วแบ่งเป็นสัดส่วนให้ที่ดินเปลี่ยนรูปร่าง ไปเสียส่วนหนึ่งก่อน แล้วจึงปลูกท่านว่าจะเป็นมงคลแล

ที่ดินรีแหลมยาวรูปธง ท่านว่าไม่ควรปลูกบ้าน ถ้าจะปลูกควรแก้เคล็ดดังข้อ 1 เสียก่อน จึงปลูกบ้าน ท่านว่าจะเป็นมงคลแล

อย่าปลูกบ้านกวมตอไม้ใหญ่ ถ้าจะปลูกก็ควรขุดออกให้หมดเสียก่อน มิฉะนั้นจะทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ท่านว่า มีภูติผีสิงอาศัยอยู่ในนั้น

อย่าปลูกเฮือนอกแตก คือทำบ้านสองหลังเป็นฝาแฝด แต่ชายคาไม่ต่อกัน จะทำให้คนในบ้านทะเลาะวิวาทกัน

อย่าปลุกเฮือนหงำเฮือน (ข่มเฮือน) คือทำเฮือนใหญ่ที่เป็นเสาเอกนั้น ต่ำกว่าเฮือนเล็กที่สร้างขึ้นใหม่ โบราณท่านว่า จะยากไร้อนาถา ไม่มีคนยำเกรง มีแต่คนข่มเหงแล

Reference: http://www.mahamodo.com/tamnai/good_time_home_isan.aspx